ผลิตโดย : ลำปางรักษ์สมุนไพร
ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ สมุนไพรไทยที่ไม่ธรรมดา
- อยู่ในวงศ์ Smilacaceae
- ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Smilax corbularia Kunth subsp. corbularia
- ภาษาท้องถิ่นแตกต่างกันไป เช่น หัวยาข้าวเย็น หัวข้าวเย็นเหนือ หรือทางภาคเหนือจะเรียกหัวข้าวเย็นวอก
ข้าวเย็นเหนือ มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์อย่างไร
ข้าวเย็นเหนือจัดเป็นไม้เถาเนื้อแข็ง จะแตกกิ่งก้านสาขาจากโคนต้น พาดพันต้นไม้อื่นหรือเลื้อยลงตามพื้นดิน ความยาวของเถาอาจยาวได้ถึง 5 เมตร เถามีหนามแหลมที่โคนใบยอดอ่อนโดยมีมือเป็นเส้น 2 เส้นไว้สำหรับยึด
ข้าวเย็นเหนือ สรรพคุณทางยา
มีรสหวานเล็กน้อย สรรพคุณแก้ประดง แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้น้ำเหลืองเสีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อหนอง แก้เส้นเอ็นพิการ แก้กามโรค มีสรรพคุณรักษาฝี แผลเน่าเปื่อยพุพอง ช่วยให้ฝีและแผลแห้งเร็วขึ้น นอกจากนี้หัวข้าวเย็นเหนือยังมีสรรพคุณแก้ผดผื่นคัน ดับพิษในกระดูก แก้ปัสสาวะพิการ และแก้อักเสบในร่างกาย
* ต้น มีรสจืดเย็น แก้ไข้เรื้อรัง และไข้ตัวร้อน
* ใบ มีรสจืดเย็น แก้ไข้เหนือและไข้สันนิบาต
* ผลข มีรสขื่นจัด สรรพคุณช่วยแก้ลมริดสีดวง
* เหง้า ในตำรับยาพื้นบ้านมุกดาหารและมาเลเซียนิยมใช้เหง้าข้าวเย็นเหนือมาต้มเป็นยาบำรุงร่างกาย
หัวข้าวเย็นยังจัดเป็นสมุนไพรที่ใช้ปรุงตำรับยาไทยกว่า 2,449 ตำรับ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจากกระทรวงสาธารณสุขให้เป็นหนึ่งในสมุนไพรรักษาโรคน้ำเหลืองเสีย โรคผิวหนัง กามโรค โรคเรื้อน และโรคมะเร็งในระบบต่างๆ รวมถึงโรคที่เกิดจากการอักเสบ เช่น โรคไขข้อ โรคติดเชื้อ แก้ปวดต่างๆ เป็นต้น
ข้าวเย็นใต้ สมุนไพรไทยนิยมใช้เป็นตำรับยา
-อยู่ในวงศ์ Smilacaceae เช่นเดียวกับข้าวเย็นเหนือ
-ชื่อวิทยาศาสตร์จะเรียกว่า Smilax Qrasa Roxb. หรือ Smilax Glabra Roxb.
-ชื่อทางท้องถิ่น เช่น ยาหัว (เลย, นครพนม), หัวยาข้าวเย็น (เพชรบูรณ์), ยาหัวข้อ (ภาคเหนือ), หัวยาจีนปักษ์ใต้ (ภาคใต้), ข้าวเย็นโคกขาว, เสียนฝูหลิง และควางเถียวป๋าเชี่ย (จีนกลาง)
ลักษณะทางพฤกศาสตร์ของข้าวเย็นใต้
เป็นเถาไม้เลื้อยเช่นเดียวกับข้าวเย็นเหนือ ลำต้นมีสีน้ำตาลเข้มโดยมีเหง้าหรือหัวอยู่ใต้ดิน เหง้าหรือหัวข้าวเย็นใต้จะมีลักษณะกลมหรือแบน หรืออาจพบเป็นก้อนและรูปร่างที่ไม่แน่นอน ผิวของเหง้าไม่เรียบ มีลักษณะเป็นก้อนแข็งนูนและแยกเป็นแขนงสั้น ๆ ความกว้างของเหง้าจะประมาณ 2-5 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 5-22 เซนติเมตร ผิวเหง้ามีสีน้ำตาลเหลืองหรือสีเทาน้ำตาล ตามบริเวณผิวจะพบส่วนที่เป็นหลุมลึกและนูนขึ้น
เนื้อของเหง้าข้าวเย็นใต้มีสีขาวอมเหลือง ส่วนใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียวออกเรียงสลับ ปลายใบบางแหลม โคนใบโค้งมน ขนาดกว้าง 2.5-5 เซนติเมตร และยาว 5-14 เซนติเมตร ผิวใบมันและมีเส้นมองเห็นได้ชัดเจนตามยาว 3 เส้น ส่วนหลังใบมีผงเหมือนแป้ง ก้านใบสั้น
ข้าวเย็นใต้ สรรพคุณเคียงคู่ข้าวเย็นเหนือ
* ราก แก้พุพอง แก้น้ำเหลืองเสีย แก้ปัสสาวะพิการ และแก้พยาธิในท้อง โดยนำรากมาต้มกับน้ำ เพื่อดื่ม
* หัวข้าว แก้มะเร็ง แก้เส้นพิการ โดยนำหัวข้าวเย็นใต้มาบดให้ละเอียด จากนั้นผสมกับส้มโมงแล้วต้มจนแห้ง ปรุงรสด้วยน้ำผึ้งเล็กน้อย จากนั้นปั้นเป็นเม็ดไว้กินวันละ 1 เม็ด
* ใบ มีฤทธิ์แก้ปากบวมอักเสบ โดยนำใบมาต้มกับน้ำ ดื่มเป็นยา
* ดอก แก้โรคผิวหนัง แก้คุดทะราด วิธีใช้ก็ต้มน้ำกับดอกข้าวเย็นใต้ ดื่มเป็นยา
*ผลสด ของข้าวเย็นใต้มีสรรพคุณช่วยแก้ลมริดสีดวงได้ โดยรับประทานผลสดได้เลย
ทั้งนี้สรรพคุณข้าวเย็นเหนือและข้าวเย็นใต้มีความใกล้เคียงกันมาก โดยจากการศึกษาก็พบว่า สารสกัดของหัวข้าวเย็นใต้ มีฤทธิ์ความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะฤทธิ์เป็นพิษต่อมะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นสรรพคุณโดดเด่นและมีประสิทธิภาพดีที่สุด รองลงมาคือเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากและเซลล์มะเร็งตับ
ในส่วนของการศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV พบว่า สารสกัดหัวข้าวเย็นเหนือและหัวข้าวเย็นใต้มีฤทธิ์ต้าน HIV ที่ต่างกัน โดยพบว่าสารสกัดของหัวข้าวเย็นใต้มีฤทธิ์ต้านเอนไซม์ HIV-1 protease ส่วนสารสกัดของหัวข้าวเย็นเหนือมีฤทธิ์ต้านเอนไซม์ HIV-1 integrase ซึ่งเป็นการสนับสนุนยาไทยว่าต้องใช้คู่กัน เพราะมีฤทธิ์ต่างกันนั่นเอง
ขอขอบคุณ : health.kapook.com
